วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

การจัดการพ่อแม่พันธุ์
       การเลี้ยงไก่แจ้นั้นควรเลี้ยงแยกตามสีอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการผสมข้ามพันธุ์ ลูกไก่ที่มีสีตรงตามพันธุ์ จะจำหน่ายได้ราคาดีกว่าเสมอ
      พ่อพันธุ์ที่ใช้ควรมีอายุ 7- 8 เดือน ส่วนแม่พันธุ์ควรเริ่มที่ อายุ 5 เดือนขึ้นไป พ่อพันธุ์สามารถคุมฝูงแม่พันธุ์ได้ 3-4 ตัว
      ควรเสริมเปลือกหอยป่นในอาหารสำหรับพ่อแม่พันธุ์ เพื่อช่วยให้เปลือกไข่แข็งแรง เก็บไข่ทุกครั้งที่พบ เพื่อป้องกันไม่ให้ไข่สกปรก
      

      วัสดุรองพื้น  นักเลี้ยงไก่แจ้นิยมใช้ทรายเป็นวัสดุรองพื้น เพราะง่ายต่อการทำความสะอาด โดยใช้ตระแกรงหยาบร่อนเอามูลออก และเปลี่ยนเอาทรายทิ้งเมื่อเริ่มเป็นผงละเอียด

การจัดการลูกไก่เล็ก-ไก่รุ่น
      การกกลูกไก่เล็ก ใช้หลอดไฟกกในกล่องกระดาษแข็ง
หรือลังไม้ กล่องหนึ่งใส่ลูกไก่ไม่ควรเกิน 15 ตัว ให้น้ำและ
อาหาร สำหรับลูกไก่เล็ก วัสดุรองพื้นที่ใช้ในสัปดาห์แรกควร เป็นกระดาษ

     ในสัปดาห์ที่สองเปลี่ยนเป็นพื้นตะแกรง และเปลี่ยนทำความ
สะอาดทุกวัน ลูกไก่รุ่นใช้เลี้ยงในกรง บนตระแกรงลวด ไม่ควร
เกินกรงละ 5- 10 ตัว ตามขนาดของกรง ขนาดของกรงประมาณ
50 x 80 ซ.ม. ขึ้นไป

 



การสร้างโรงเรือน
         การสร้างโรงเรือนสำหรับเลี้ยงไก่โดยเฉพาะจะมีความจำเป็นมาก เพราะลักษณะของโรงเรือนที่ดีจะทำให้ไก่ไม่เกิดความเครียด เนื่องจากอากาศร้อน ทำให้การเจริญเติบโตดีขึ้น ไก่มีสุขภาพดี ลดปัญหาการเกิดโรค และลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม
     ลักษณะการสร้างโรงเรือนส่วนใหญ่มี 2 วิธี ขึ้นอยู่กับความนิยมของผู้เลี้ยงเอง คือการสร้างโรงเรือนและการสร้างกรง

- เนื่องจากธรรมชาติของไก่แจ้เป็นสัตว์ที่ชอบอากาศเย็นสบาย แต่ไม่ชอบลมโกรก โรงเรือนควรมีหลังคาสูงเพื่อการระบายอากาศ มีตาข่ายและมุ้ง ที่กันลมโกรก และกันยุงได้

- การสร้างกรง ข้อมูลในการพิจารณาสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยเลี้ยงควรพิจารณา ถึงความต้องการพื้นที่เป็นอันดับแรก เช่น ไก่แจ้หนึ่งชุดประกอบด้วย ตัวผู้ 1 ตัว ตัวเมีย 2 ตัว ควรใช้พื้นที่อย่างน้อย 1 ตารางเมตร ความสูงประมาณ 90 เซนติเมตร

วัสดุรองพื้น  
นักเลี้ยงไก่แจ้นิยมใช้ทรายเป็นวัสดุรองพื้น เพราะง่ายต่อการทำความสะอาด โดยใช้ตระแกรงหยาบร่อนเอามูลออก และเปลี่ยนเอาทรายทิ้งเมื่อเริ่มเป็นผงละเอียด

 อุปกรณ์ที่จำเป็น
     อุปกรณ์ที่ใช้ในการเลี้ยงไก่แจ้ก็เหมือนกับอุปกรณ์ที่ใช้เลี้ยงไก่ทั่วๆ ไป คือจำเป็นต้องมี รางอาหาร ที่ตักอาหาร กระปุกน้ำตามขนาดของไก่ กล่องหรือกรงและหลอดไฟแขวนสำหรับลูกไก่และไก่รุ่น
    อุปกรณ์ในในการทำความสะอาดทั่วๆไป เช่น ไม้กวาด ตะแกรงร่อนทราย ฯลฯ ถ้าเลี้ยงไก่จำนวนมากควรมีตู้ฟักไข่ด้วย
    การฟักไข่ มี 2 วิธีคือ การใช้ตู้ฟักไข่ และการให้แม่ไก่ฟัก
การให้แม่ไก่ฟักจะทำให้แม่ไก่โทรมและใช้เวลานานกว่าที่แม่ไก่จะกลับมาไข่อีก ปัจจุบันนิยมใช้ตู้ฟักไข่ ใช้ระยะเวลาในการฟัก 21 วันเหมือนกับไก่ทั่วๆไป อุณหภูมิที่เหมาะสมประมาณ 99.5 องศาF ความชื้นประมาณ50-60 % 


อาหารสำหรับไก่แจ้
     ผู้เลี้ยงในปัจจุบัน นิยมใช้อาหารสำเร็จรูปอัดเม็ด (Pellet Feed) สำหรับไก่ไข่ในการเลี้ยง โดยจะเลือกใช้ตามขนาดของไก่ 3 ระยะคือ
-ระยะไก่เล็ก อายุ แรกเกิด - 6สัปดาห์
-ระยะไก่รุ่นอายุ 6 สัปดาห์ - 19 สัปดาห์
-ระยะพ่อแม่พันธุ์ 20 สัปดาห์ขึ้นไป (มานิตย์, 2536)
      โดยให้กินตลอดเวลาแบบไม่จำกัดปริมาณ อาหารที่ใช้จะต้องเป็นอาหารที่ใหม่ และสะอาดเสมอ ไก่แจ้กินอาหารในปริมาณที่ไม่มาก เพราะไก่แจ้ตัวเล็ก การลงทุนค่าอาหารจึงต่ำมาก ไก่แจ้หนัก 100 กรัม ให้อาหารเพียง 30 กรัม หรือ 3 % ของน้ำหนักตัว

      น้ำจะต้องมีให้ไก่กินอย่างเพียงพอตลอดเวลา ถ้าหากไก่ขาดน้ำ จะมีปัญหาสุขภาพอย่างรุนแรง เพราะน้ำจะช่วยระบายความร้อนให้กับร่างกาย น้ำที่ให้ไก่กินต้องสะอาด และเย็น ภาชนะใส่น้ำไม่ควรอยู่ใกล้ไฟกก หรือตั้งตากแดดเพราะจะทำให้น้ำร้อนไก่จะไม่กิน 


วิธีการเตรียมไก่เพื่อจำหน่าย
     การเตรียมไก่เพื่อการจำหน่ายมีความสำคัญต่อผู้เลี้ยงเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นการช่วยเพิ่มราคาให้กับตัวไก่แล้ว ยังช่วยยกระดับฟาร์ม ให้มีคุณภาพมากขึ้น ผู้เลี้ยงสามารถทำได้โดย

- ทำการคัดเกรดไก่ ตั้งแต่ไก่อายุประมาณ 1 เดือนขึ้นไป โดยคัดแยกไก่ขาสั้น กับไก่ขายาวออกจากกัน และคัดไก่ที่มีความต้องการของตลาดมากออกจากไก่ทั่วไป


- การจัดชุดไก่ ควรจัดตามประเภทสีไก่ ให้จัดเป็นคู่ หรือเป็นชุด ชุดละ 3 ตัว โดยมีเพศผู้ 1 ตัว เพศเมีย 1 ตัว หรือเพศผู้ 1 ตัว เพศเมีย 2 ตัว โดยให้อยู่ในสีเดียวกันเท่านั้น เพื่อป้องกันการผสมข้ามสี และป้องกันปัญหาการจิกตีกัน เมื่อนำมารวมกันภายหลัง


- การอาบน้ำไก่ เป็นการช่วยทำให้ไก่มีสุขภาพดี ปราศจากพยาธิภายนอก เช่น เหา ไร หมัด ทำให้ขนเรียบสะอาดเป็นมันเงา


- การจัดโชว์ไก่ กรงที่ใช้ต้องเป็นกรงที่ใหม่ สะอาด มีความเหมาะสมกับขนาด และจำนวนไก่ ผู้เลี้ยงอาจขายได้ทั้งไก่และกรงพร้อมๆกัน จะเป็นการเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่ง


 
วิธีการเตรียมไก่เพื่อประกวด

คัดไก่ในฟาร์มที่เราเห็นว่ามีลักษณะดีที่สุดในแต่ละสีในสายาของเรา


ทำการแยกเลี้ยงเดี่ยวล่วงหน้าก่อนการประกวด 3-4 เดือน เพื่อป้องกันปัญหาการจิกตี (Cannibalism) และการข่ม จากไก่ตัวที่เก่งกว่า


อาบน้ำ ทำความสะอาดตัวไก่เพื่อกำจัดพยาธิภายนอก (Ectoparsites) เช่น เหา ไร และหมัด โดยใช้ยา มาลาไทออน (Malathion) ผสมน้ำในอัตราส่วนน้ำยา 1 แกลลอน ต่อไก่ 100 ตัว น้ำยาที่เหลือจากการอาบน้ำไก ่ให้นำมาฉีดพ่นในกรง ที่ทำความสะอาดแล้ว เพื่อกำจัดไร ในกรงให้หมดไป


ทำการถ่ายพยาธิไก่ โดยพยาธิตัวกลมให้ยาเมเบนดาโซล (Mebenda- zole) 5 - 35 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักไก่ 1 กิโลกรัม พยาธิตัวแบน ให้ยาเมเบนดาโซล 10 - 50 มิลลิกรัม ต่อนำหนักไก่ 1 กิโลกรัม ให้ยาครั้งเดียว


ให้วิตามิน อาหารเสริม (Supplements) เพื่อให้ไก่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ดูแลเอาใจใส่ให้มากกว่าปกติ จับอุ้มเพื่อให้เกิดความคุ้นเคย ไม่ตื่นตกใจง่าย หัดให้ไก่เดินบนพื้นลื่น พื้นหยาบ สนามหญ้า


ก่อนการประกวด 5 - 7 วัน ควรอาบน้ำไก่อีกครั้ง ตัดเล็บ เดือยไก่ที่ยาว

เมื่อถึงวันประกวดให้นำไก่ไปสนามประกวดแต่เช้า เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้กับไก่

เมื่อไก่เป็นหวัดควรทำอย่างไรดี
ขั้นแรกคือ จัดการแยกไก่ที่มีอาการออกขังเดี่ยวเพื่อป้องกันการติดต่อสู่ไก่ตัวอื่นๆ
สองคือจัดหาหลอดไฟ ประมาณ 25 วัตต์ มาแขวนไว้เพื่อให้ความอบอุ่น ในวันที่ฝนตก และเวลากลางคืน
สามให้ยาปฏิชีวนะ ยาแก้หวัดไก่ ควรอ่านวิธีใช้จากฉลากยาอย่างละเอียด
ควรหมั่นทำความสะอาดพื้นกรงเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

 เทคนิคการดูแลลูกไก่ในหน้าหนาว
        อากาศเย็นเป็นสิ่งที่ลูกไก่ไม่ชอบเอาซะเลย อยากรู้ว่าลูกไก่หนาวหรือไม่นั้น
สังเกตุ ไม่ยากหรอกครับ เพียงดูว่าลูกไก่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม หรือกระจายตัวกันอยู่
หากอยู่รวมกันเป็นกลุ่มนั่นแสดงว่าเค้าหนาวแล้วหล่ะครับ
       วิธี่ที่จะแก้หนาวก็ง่ายๆ อีกหล่ะครับ เพียงหาหลอดไฟ้(หลอดใส้นะครับ) ขนาด
25 วัตต์ หนึ่งดวงมาแขวน ไว้ในกรง เพื่อให้ความอบอุ่น แต่ถ้าหากอากาศไม่เย็น
หรือเห็นว่าลูกไก่ไม่รวมกลุ่มกันก็อย่าลืมปิดไฟด้วยหล่ะครับ ถ้าจะให้ดีหาตัวหรี่ไฟ
มาใช้จะทำให้เราความคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมกับช่วงเวลาได้ดีกว่านะครับ และ
กรงสำหรับลูกไก่นั้น ก็ไม่ควรให้โปร่งหรือรับลมนะครับ มันจะได้อุ่นเหมือนอยู่ใน
อ้อมอกแม่มันไงครับ
















วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

การอนุรักษ์พันธุ์ไก่แจ้



ไก่ แจ้ เป็นไก่พื้นเมืองไทย ชนิดหนึ่งซึ่งอยู่คู่กับสังคมไทย มาช้านาน เดิมไก่แจ้ เป็นไก่ ป่า ที่มีความปราดเปรียว ขี้ระ แวง แต่เพราะขนที่มีสีสันสวย งาม  ลักษณะที่น่ารักและการ เลี้ยงไม่ยุ่งยาก ทำให้เกิดการ พัฒนาสายพันธุ์   ให้สามารถ อยู่กับผู้เลี้ยงได้จับต้องได้โดย พัฒนามา อย่างต่อเนื่อง ไม่ต่ำ กว่า30ปี มีความสวยงามตาม มาตรฐานสากล และส่งไปแข่งขันได้ทั่วโลก  ตลอดจนพัฒนา ให้มาเป็น "สัตว์เศรษฐกิจ" ที่ สามารถจะนำรายได้มาให้แก่ ผู้เพาะ เลี้ยง นอกเหนือจาก ความ เพลิด เพลิน

ลักษณะไก่ที่ดี
หงอน-เหนียง-สีของหงอนและเหนียง จักรหงอนนับส่วนแหลมของจักร (แหลมที่ 1 ไม่นับ) มีจำนวน 4-5 จักร ถ้ามากหรือน้อยกว่าคัดออก จักรหงอนต้องไม่มีบาดแผล สีหงอนและจักรต้องสีแดงมีเม็ดทรายสวยงาม ได้สัดส่วนกับหน้า เหนียงกลมสวยได้สัดส่วนกับใบหน้า และหงอน
หน้า-หัว-สีของหน้าและหัว ใบ หน้ามองโดยรวมสวยงามไม่มีบาดแผล หรือตำหนิ ส่วนหัวกลมโตสมส่วนกับหน้าและหงอนขนบนหัวต้องเต็ม ไม่แหว่ง สีของใบหน้า ต้องแดงสวยงาม ขนบนหัวต้องไม่มีสีอื่นแซม
ปาก-สีของปาก ความสมบูรณ์ของปาก ปากบน-ล่างประกบกันสวยงาม ไม่พิการ ไม่ยาวจนเกินไป สีของปากต้องถูกต้องตามสีของประเภทไก่แจ้ เช่น ไก่สีขาว ปากต้องเหลือง ไม่ขาวซีด

ตา-สีของดวง ตาสีของดวงตาถูกต้องตามสีของประเภทไก่แจ้ หู-สีของหู ใบหูไม่มีตำหนิหรือเป็นแผล สีของหูถูกต้องตามสีของประเภทไก่แจ้ หูขาวมากคัดออก
ส่วนของลำตัว แบ่งมุมมองออกเป็นสามด้านคือ ด้านหน้า ด้านบน และด้านข้าง โดยมองรวมทั้งตัวออกไม่ยก
คอและขนของคอ ลำ คอต้องไม่สั้น หรือยาวจนเกินไป ต้องสมดุล กับส่วนลำตัว และ หางด้วย ขนคอต้องเต็มสมบูรณ์ไม่แหว่ง ขนระย้าต้องขึ้นสุดแล้ว ต้องไม่ระบัด
ความสั้นยาวของขา-แข้ง-นิ้ว-เล็บ-สีของขา